กบในมณฑลอานฮุย ประเทศจีน เป่าขลุ่ยได้เก่งกาจจนนักวิจัยเมื่อได้ยินครั้งแรก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันคือตัวอะไรนักร้องหลัก กบในจีนพูดได้มากกว่าซี่โครงเอ็ม. โควาลซีค ไรท์Albert S. Feng จาก University of Illinois at Urbana-Champaign กล่าว ครั้งหนึ่ง กบบูฟีสแห่งมาดากัสการ์เคยสร้างความประทับใจให้กับคนทั้งโลกด้วยเสียงเรียกที่แตกต่างกันถึง 28 แบบ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเฟิงจึงให้คะแนนการค้นพบครั้งล่าสุดในจีนว่า “ไม่ธรรมดา”
หัวข้อข่าววิทยาศาสตร์ในกล่องจดหมายของคุณ
เขาและเพื่อนร่วมงานรู้สึกหงุดหงิดในคืนหนึ่งที่กำลังรอกบ เต่า Amolops ตัวน้อย ส่งเสียง เฟิงและนักวิจัยอีกคนหยุดพักจากความระมัดระวังเพื่อพยายามค้นหาแหล่งที่มาของการไหลรินเหมือนนกกระจิบที่มาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ เมื่อไปถึงก็ไม่พบนกสักตัว พวกเขาพบกบ “เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด” Feng กล่าว “เราต้องประหลาดใจมากขึ้น: ผู้โทรเป็นกบที่เราต้องการศึกษา” ทีมงานจำการโทรที่แตกต่างกันของพวกเขาไม่ได้
กบเหล่านี้ทำ “การเปล่ง เสียงนับครั้งไม่ถ้วน” นักวิจัยรายงานในเดือนสิงหาคมNaturwissenschaften การวิเคราะห์เทป 12 ชั่วโมงจากผู้ชาย 21 คนพบว่าไม่มีการเรียกสองครั้งที่เหมือนกันระหว่างสัตว์หรือในละครของแต่ละคน
สมัครสมาชิกข่าววิทยาศาสตร์
รับวารสารวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุดส่งตรงถึงหน้าประตูคุณ
ติดตาม
นอกจากนี้ การบันทึกเสียงยังบันทึกถึงเสียงอัลตราโซนิกที่รู้จักกันเป็นครั้งแรกจากกบอีกด้วย
นักวิจัยกล่าวว่าเสียงที่หลากหลายของกบ รวมถึงการกวาดโน้ตขึ้นและลงหลายครั้งทำให้นึกถึงเสียงของนก วาฬ และไพรเมต นักวิจัยกล่าว
สำหรับนิสัยใจคอทางสรีรวิทยา แก้วหูของกบจะอยู่ลึกเข้าไปในกระโหลกอย่างผิดปกติ นอกจากนี้ Feng ยังกล่าวอีกว่า การวิเคราะห์วิดีโอแสดงให้เห็นว่าถุงเสียงสองชุดมีส่วนช่วยให้สัตว์มีความฉลาด
ยีนกลายพันธุ์ในคนแต่ไม่ใช่ในลิงชิมแปนซีเมื่อประมาณ 2.8 ล้านปีก่อน ไม่นานก่อนที่ขนาดของสมองจะขยายในสายเลือดโฮโมตามรายงานในการดำเนินการของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติเมื่อ วัน ที่ 3 กันยายน
Ajit Varki นักชีววิทยาระดับโมเลกุลแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก และเพื่อนร่วมงานกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอนี้ทำให้ยีนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ นั่นคือการผลิตโมเลกุลน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ยึดติดกับพื้นผิวของเซลล์ นักวิจัยกำลังสำรวจว่ายีนในมนุษย์สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมองได้อย่างไร
เพื่อประเมินว่าเมื่อใดที่ยีนของเวอร์ชันมนุษย์เกิดขึ้นครั้งแรก ทีมของ Varki ได้พัฒนาเทคนิคในการสกัดน้ำตาลที่ผิวเซลล์ต่างๆ ออกจากกระดูก รวมถึงน้ำตาลจากฟอสซิลด้วย
น้ำตาลที่สำคัญมีอยู่ในกระดูกของลิงชิมแปนซีสมัยใหม่และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่สูญพันธุ์ไปแล้วหลายชนิด แต่ไม่มีในฟอสซิลของนีแอนเดอร์ทัลสองตัว ดังนั้น การกลายพันธุ์ของยีนต้องเกิดขึ้นก่อน 600,000 ปีที่แล้ว เมื่อนีแอนเดอร์ทัลมีบรรพบุรุษร่วมกันกับมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์กล่าว
การเปรียบเทียบโครงสร้างโมเลกุลของยีนในคนและลิงชิมแปนซีในปัจจุบันทำให้นักวิจัยสามารถคำนวณได้ว่าประเภทของมนุษย์เกิดขึ้นเมื่อใด
Credit : เว็บตรง
